กองทุน RMF การลงทุนสุดคุ้มค่า เพื่อความสบายในอนาคต

การลงทุนในกองทุน RMF เป็นอีกหนึ่งวิธีการลงทุนที่ได้รับความนิยม เหมาะสำหรับการวางแผนการเงินในอนาคตของผู้คนในปัจจุบัน โดยเป็นประเภทกองทุนที่ถูกออกแบบมาเพื่อสนับสนุนให้ผู้ลงทุนสามารถมีเงินไว้ใช้ตอนเกษียณได้ ซึ่งจะทำให้มีชีวิตที่มั่นคงและมีความสุขได้ มีการกระจายลงทุนในหลากหลายกลุ่มสินทรัพย์ เช่น หุ้น ตราสารหนี้ พันธบัตรรัฐบาล และสินทรัพย์ทางเลือก (ทองคำ, Reit) เป็นต้น ทำให้เป็นการลงทุนเพื่ออนาคตที่ดี โดยเราสามารถเลือกระดับความเสี่ยงได้ด้วย

ทำไมกองทุน RMF ถึงดีต่ออนาคต?

กองทุน RMF ขึ้นชื่อว่าเป็น ‘กองทุนเพื่อการเลี้ยงชีพ’ ย่อมต้องมีจุดประสงค์ในการสนับสนุนให้คนไทยหันมาออมเงินเพื่อชีวิตหลังวัยเกษียณมากขึ้น ทำให้เราไม่ต้องลำบากหรือกลายเป็นภาระของลูกหลานในอนาคต ซึ่งการลงทุนนี้จะช่วยให้เรามีเงินสำหรับค่าใช้จ่ายในอนาคตเมื่อเราไม่ได้ทำงานอีกต่อไป สาเหตุหลัก ๆ ที่กองทุน RMF ดีต่ออนาคต เพราะว่าการมีเงินสำหรับการเกษียณที่เพียงพอ สามารถช่วยให้เรามีความมั่นคงทางด้านการเงินและมีความสุขในชีวิตหลังเกษียณได้ โดยกองทุนจะมีผู้จัดการกองทุนที่มีฝีมือเป็นคนดูแลการลงทุนให้เราด้วย ทำให้ประหยัดเวลาในการวางแผนเรื่องการลงทุนได้ เหมาะกับคนที่มีเวลาจำกัด แต่ยังอยากลงทุนเพื่ออนาคตเป็นอย่างยิ่ง

กองทุน RMF มีความแตกต่างจากกองทุนทั่วไปอย่างไร?

ก่อนที่จะลงทุนเราจำเป็นต้องศึกษารายละเอียดของกองทุนให้ดีเสียก่อน เพื่อให้เข้าใจถึงเงื่อนไข แผนการบริหาร และข้อมูลรายละเอียดสำคัญต่าง ๆ อีกทั้งควรมีการเปรียบเทียบว่า กองทุน RMF แตกต่างจากกองทุนทั่วไปอย่างไร เพื่อให้ตอบโจทย์ความต้องการของตนเองมากที่สุด นั่นก็คือ

  1. วัตถุประสงค์ของการลงทุน

กองทุน RMF ออกแบบมาเพื่อสนับสนุนและเสริมสร้างพอร์ตการเงินเพื่อใช้สำหรับหลังเกษียณ ดังนั้นเป้าหมายของกองทุน RMF คือการลงทุนเพื่อสร้างเงินออมสำหรับอนาคต ในขณะที่กองทุนรวมทั่วไปมีวัตถุประสงค์ที่หลากหลาย เช่น การลงทุนเพื่อเป็นรายได้ประจำ การลงทุนเพื่อออมเงินระยะสั้น หรือการลงทุนเพื่อทำกำไร เป็นต้น

  1. ถือครองระยะยาว

เมื่อกองทุน RMF มีเป้าหมายสำคัญเพื่อวางแผนการเงินในอนาคตของเรา จึงมีเงื่อนไขให้ผู้ลงทุนต้องถือครองในระยะยาว โดยจะกำหนดให้ถือครอง 5 ปีขึ้นไปนับตั้งแต่วันแรกที่เริ่มลงทุน และจะสามารถขายหน่วยลงทุนได้ก็ต่อเมื่อเราอายุครบ 55 ปีบริบูรณ์เท่านั้น หลายคนอาจจะกังวลว่า เป็นระยะเวลาที่ยาวนานไปหรือไม่? แต่อย่าลืมว่า การลงทุน RMF นั้นมีจุดประสงค์เพื่อชีวิตหลังเกษียณของเรา ข้อกำหนดนี้จะยิ่งช่วยส่งเสริมให้แผนการเงินเราใกล้ความสำเร็จมากยิ่งขึ้น

  1. สิทธิประโยชน์ช่วยลดภาษี

การลงทุน RMF จะสามารถนำไปใช้สิทธิประโยชน์ในการลดหย่อนภาษีได้ถึง 30% ของเงินได้รวม โดยลดหย่อนได้ไม่เกิน 500,000 บาท เมื่อนับรวมกับกองทุนเพื่อการเกษียณอายุอื่น ๆ ที่สำคัญอีกข้อคือ เมื่อเราขายคืนหน่วยลงทุนแล้วได้กำไร จะได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้อีกด้วย ทั้งนี้เงื่อนไขอื่น ๆ จะเป็นไปตามที่กองทุนกำหนด เราจำเป็นต้องศึกษาข้อมูลอย่างละเอียดก่อนเลือกลงทุน

กองทุน RMF

รวมกองทุน RMF สำหรับวัยรุ่นสายซิ่ง อายุน้อยรับความเสี่ยงได้สูง

คำแนะนำเรื่องการลงทุนในด้านการรับมือกับความเสี่ยง จะมีเรื่องของอายุเป็นตัวชี้วัดรวมอยู่ด้วย หมายความว่า “หากผู้ลงทุนอายุยังน้อย” เช่น เป็นวัยเริ่มต้นทำงาน อายุยังอยู่ในช่วง 22-30 ปี จะสามารถรับความเสี่ยงในการลงทุนได้สูงขึ้น เพราะมีช่วงเวลาทำงานก่อนถึงวัยเกษียณที่ยาวนาน ในช่วงแรกจึงสามารถลงทุนกับสินทรัพย์ความเสี่ยงสูงได้ แล้วค่อย ๆ บริหารพอร์ตปรับลงความเสี่ยงลงตามช่วงอายุที่เพิ่มขึ้น ดังนั้นเราจึงมีกองทุน RMF สายซิ่งสำหรับวัยเริ่มต้นทำงานมาแนะนำกัน

  1. กรุงศรีชีวิตดี๊ดีเพื่อการเลี้ยงชีพ (KFHAPPYRMF)

กองทุนรวมผสมที่มีความเสี่ยงปานกลางค่อนข้างสูง ระดับ 6 โดยจะลงทุนในตราสารหนี้ ตราสารทุน ทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงลงทุนในหุ้นที่อยู่ในระหว่าง IPO ร่วมด้วย และมีโอกาสที่จะลงทุนในหน่วย Property หรือ Infra มุ่งหวังให้การลงทุนมีผลประกอบการสูงกว่าดัชนีชี้วัด และมีการป้องกันความเสี่ยงของอัตราแลกเปลี่ยนสำหรับการลงทุนในต่างประเทศ ไม่น้อยกว่าร้อยละ 90

  1. กรุงศรีหุ้นไดนามิคเพื่อการเลี้ยงชีพ (KFDNMRMF)

เป็นกองทุน RMF ที่เน้นการลงทุนในตราสารทุน หรือหุ้นไทยเป็นหลัก โดยจะลงทุนไม่น้อยกว่า 80% ของ NAV และมีการลงทุนหุ้นที่อยู่ในระหว่าง IPO ร่วมด้วย กองทุนนี้มุ่งหวังการลงทุนให้มีผลประกอบการสูงกว่าดัชนีชี้วัด (SET 50) เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ลงทุนที่อายุยังน้อยและสนใจการลงทุนในหุ้น แต่อาจจะยังไม่มีความเชี่ยวชาญในการเลือกหุ้นแบบรายตัว

  1. กรุงศรีโกลบอลแบรนด์อิควิตี้เพื่อการเลี้ยงชีพ (KFGBRANRMF)

ใครที่สนใจอยากร่วมลงทุนในธุรกิจชั้นนำของโลก ต้องพิจารณากองทุน RMF กองนี้ร่วมด้วย เพราะเป็นกองทุนที่มีการลงทุนในกองทุนรวมต่างประเทศที่ชื่อ Morgan Stanley investment fund-Global Brands fund (Class Z) เป็นกองทุนหลัก โดยลงทุนไม่น้อยกว่า 80% ของ NAV ซึ่งจะมีการลงทุนในหุ้นของบริษัทที่อยู่ในประเทศพัฒนาแล้วทั่วโลก และเป็นแบรนด์ที่ประสบความสำเร็จในตลาด มุ่งหวังให้ผลกำไรจากการลงทุนสอดคล้องไปกับกองทุนหลัก ส่วนการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน จะเป็นไปตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน

อย่างไรก็ตาม การลงทุนกองทุน RMF แม้ว่าเราจะเลือกระดับความเสี่ยงได้ก็จริง แต่เราก็ยังคงต้องทำความเข้าใจและยอมรับความไม่แน่นอนที่อาจเกิดขึ้นไว้ด้วยเช่นกัน การวางแผนอนาคตที่ดีนั้นไม่ว่าจะเริ่มช้าหรือเริ่มเร็ว ก็ยังดีกว่าการไม่ได้คิดเริ่มวางแผน เพื่อคุณภาพชีวิตดี ๆ หลังเกษียณ เราหันมาออมเงินและลงทุนผ่าน RMF กันเถอะ